ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

จีนพบหลุมยักษ์กลางทะเลจีนใต้ ลึกที่สุดในโลก


จีนพบหลุมยักษ์กลางทะเลจีนใต้ ลึกที่สุดในโลก ขนานนามว่า “รูมังกร”
  
เรื่องลึกลับ – นักสำรวจจีนพบหลุมยักษ์ในทะเลจีนใต้ ลึกสุดใจถึง 300 เมตร ขึ้นแท่นหลุมยักษ์ใต้ทะเลที่ลึกที่สุดในโลก พร้อมได้รับการขนานนามว่า “รูมังกร”
วันที่ 25 กรกฎาคม 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยเรื่องราวน่าทึ่งที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังจากประเทศจีน เมื่อคณะนักสำรวจชาวจีนได้พบหลุมยักษ์กลางทะเล หรือที่เรียกกันว่า บลูโฮล (Blue hole) บริเวณพิกัดละติจูดที่ 16.31 องศาเหนือ และลองจิจูดที่ 111.46 องศาตะวันออก บนทะเลจีนใต้ ใกล้กับหมู่เกาะแพราเซล (Paracel Islands)
          
จากการสำรวจ พบว่าหลุมใต้ทะเลนี้มีความลึกถึง 300.89 เมตร หรือสามารถนำตึกใบหยก 2 เกือบทั้งตึกลงไปใส่ในหลุมได้อย่างสบาย ๆ ด้วยความลึกขนาดนี้ ทำให้มันนั่งแท่นหลุมบลูโฮลที่ลึกที่สุดในโลกเท่าที่มีการบันทึกได้ไปแล้วเรียบร้อย

ในส่วนของความกว้างนั้น วัดได้ที่ปากหลุมประมาณ 130 เมตร ส่วนก้นหลุมกว้างประมาณ 36 เมตร นอกจากนี้ยังมีการค้นพบสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอีกราว 20 สปีชีส์ อาศัยอยู่ภายในหลุมแห่งนี้ด้วย ทั้งนี้ ด้วยความใหญ่อลังการและสวยงาม ทำให้ชาวจีนตั้งชื่อเรียกหลุมบลูโฮลแห่งนี้เป็นการชั่วคราวว่า รูมังกร
เกรทบลูโฮล ที่ประเทศเบลีซ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้หลุมยักษ์ใต้ทะเลที่ครองตำแหน่งใหญ่และลึกที่สุดในโลก คือ หลุมเกรทบลูโฮล ประเทศเบลีซ เป็นหลุมตามธรรมชาติที่ใหญ่และน่ากลัว มีลักษณะเป็นถ้ำลึกลงไปใต้ทะเล มีขนาดความกว้างปากหลุมประมาณ 300 เมตร ลึกประมาณ 125 เมตร 

ข้างล่างเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคน้ำแข็งเลยทีเดียว และแม้ว่าหลุมนี้จะเป็นหลุมที่น่ากลัวที่สุดและคร่าชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่บริเวณนี้ก็ยังเป็นที่นิยมของนักประดาน้ำที่ชอบความท้าทายอยู่ไม่น้อย

ภาพความงามท่ามกลางน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกา


ภาพความงามท่ามกลางน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกา
เว็บไซต์ Mashable ได้เผยแพร่อัลบั้มทัศนียภาพอันน่ามหัศจรรย์ของดินแดนที่ได้ชื่อว่าหนาวเหน็บ และโหดร้ายที่สุดในโลก ทวีปแอนตาร์กติกา


ทวีปแอนตาร์กติกา ที่ตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกใต้เป็นทวีปที่หนาวเหน็บที่สุด และแห้งแล้งที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 7 ทวีปในโลก พื้นที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งนี้มีขนาดใหญ่ประมาณประเทศสหรัฐอเมริกา และเม็กซิโกรวมกัน บรรดาภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่รอบๆทวีปนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอนตาร์กติกามาก่อน และอีกไม่นานพวกมันก็จะละลายปะปนไปกับมหาสมุทรทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาใต้
Alasdair Turner ผู้เผยแพร่ภาพถ่ายที่สวยงามอันน่าทึ่งนี้ใช้เวลากว่า 3 เดือนบนเกาะ Ross ของทวีปแห่งนี้สถานที่ได้ชื่อว่ามีภูมิทัศน์ที่โหดร้ายที่สุดบนโลก แต่ในขณะเดียวกันก็สวยงามที่สุดเช่นกัน หน้าที่ของเขาคือการดูแลความปลอดภัยของบรรดานักวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่อื่นๆยามออกไปปฏิบัติการข้างนอก เขากินยอู่และอาศัยในสถานี McMurdo ซึ่งบริหารงานโดยมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ


ดินแดนที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวนี้ได้รับการสำรวจทรัพยากร การจัดการที่ดิน และวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้วยสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ตัวเขานั้นทำงานร่วมกับบรรดานักวิทยาศาสตร์ในการเดินทางไปตามส่วนต่างๆของทวีป

ไอเดียภาพถ่ายของเขาเกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาก้าวลงมาจากเครื่องบิน และเหยียบที่ดินแดนนี้ โดยนอกจากจุดประสงค์ที่จะโชว์ความสวยงามแล้ว ผู้คนจะได้เห็นความสำคัญว่าเหตุใด เราควรร่วมมือกันเพื่อปกป้องดินแดนนี้ไว้ และใกล้ๆที่พักของพวกเขายังใกล้กับกระท่อมของ Scot และ Shackleton สองนักสำรวจในตำนานผู้พยายามเดินทางไปพิชิตขั้วโลกใต้อีกด้วย

บริเวณรอบๆเกาะ Ross ของเขานั้นเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ และเป็นหนึ่งในสถานที่แก่การศึกษาบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายสายพันธุ์ ภูมิประเทศที่นี่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาถึง 11,000 ฟุต ภูเขาจำนวนมากถูกฝังอยู่ และมีเพียงไม่กี่ยอดที่โผล่ขึ้นมา 


ในขณะที่บรรยากาศยามค่ำคืนนั้นยิ่งมืดมิด และหนาวเหน็บ เราเห็นดวงอาทิตย์ครั้งสุดท้ายในเดือนเมษายน และไม่ได้เห็นอีกเลยจนกว่าจะถึงกลางเดือนสิงหาคม

นักวิทยาศาสตร์ยังคงทำงานของพวกเขาไป แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากภายใต้ข้อจำกัดของความหนาวเย็น เป็นเวลากว่า 2 ฤดูแล้วที่ตัวเขานั้นทำงานนี้มา และค้นพบว่าเป็นการยากลำบากมาที่จะถ่ายภาพในช่วงมืดมิดของปี

ทุกๆภาพของเขานั้นคือความท้าทาย และหลายอุปกรณ์ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ มีบางครั้งที่กล้องหยุดทำงานเพราะถูกแช่แข็ง, นิ้วมือของเขาถูกหิมะกัด, แบตเตอรี่หมด หรือเลนส์เต็มไปด้วยน้ำแข็งเกาะ 

แต่ตัวเขาก็ยังคงยืนยันที่จะพกกล้องออกไปด้วยในทุกวันของการทำงาน เพื่อเก็บภาพความมหัศจรรย์ของสถานที่นี้เอาไว้ ให้ทุกคนได้เห็นว่าทวีปแอนตาร์กติกเป็นอย่างไร

รายการบล็อกของฉัน